ล็อครถไม่ได้มาจากสาเหตุใด ?
ใช้กุญแจในการไขล็อค
เสียบกุญแจเข้าไปในช่องเสียบกุญแจ ให้สังเกตว่าดันเข้าสุดหรือไม่ หากเข้าไม่สุดให้ทําการทดลองเคาะ ๆ ดันเข้าไป แต่ถ้าติดขัดให้หยุดการปฏิบัติทันที เพราะอาจจะมีความเสียหายที่มากขึ้นได้ เบื้องต้น ให้ใช้น้ํายาเอนกประสงค์ฉีดเข้าไปในรูกุญแจ แล้วลองเสียบใหม่ หากไม่ดีขึ้นให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ สําหรับ กรณีที่เสียบกุญแจเข้าสุดแล้ว แต่ไม่สามารถไขล็อคได้อาจมีปัญหา ต้องแก้ไขโดยผู้เชี่ยวชาญเช่นกัน
ใช้รีโมทในการล็อครถ
- กดรีโมทการล็อครถ แต่ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนอง อาจเกิดจากระบบแบตเตอรี่รีโมทอ่อนให้ทําการเปลี่ยนถ่านรีโมทใกล้ตัวรถ
- กดรีโมทการล็อครถแล้วเงียบเป็นไปได้ว่าคลื่นสัญญาณส่งไม่ถึงอยู่ห่างจากรถยนต์มากเกินไป ให้ขยับมา
- กดรีโมทการล็อครถแล้ว ไม่มีสิ่งใดตอบสนองเป็นไปได้ว่ามีคลื่นสัญญาณรบกวนให้ทําการขับออกจากพื้นที่ดังกล่าว (หาที่จอดรถใหม่)
สําหรับกรณีที่ไม่สามารถล็อครถได้ และมีสัญญาณเตือนดังขึ้น หลังจากกดรีโมทอาจเกิดจากสาเหตุผิดเงื่อนไขบาง ประการ เช่น ปิดประตูหรือฝากระโปรงทั้งหน้าและหลังไม่สนิท, เกียร์ไม่อยู่ในตําแหน่งที่ถูกต้อง,เครื่องยนต์ยังมีการ ทํางานอยู่ เป็นต้น
ใช้ Smart Entry ในการล็อครถ
หากมีการสัมผัสที่มือเปิดประตู เพื่อการล็อครถ แต่ไม่สามารถล็อครถได้ พร้อมกับมีเสียงการแจ้งเตือนดังขึ้น ให้ทําการตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ได้แก่
- เครื่องยนต์ยังคงมีการทํางานอยู่ ให้ทําการดับเครื่องยนต์
- ตําแหน่งเกียร์ไม่ถูกต้อง ให้ทําการเข้าเกียร์ในตําแหน่ง N (ตําแหน่งเกียร์ N จะมีเงื่อนไขด้านการ ทํางานระบุไว้อยู่ในคู่มือการใช้รถ ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร) หรือตําแหน่งเกียร์ P
- ประตูและฝากระโปรงปิดไม่สนิท ให้ทําการปิดให้สนิท
- มี Smart Entry อยู่ภายในห้องโดยสาร อีก 1 ชิ้น ให้ทําการนําออกมานอกตัวรถ
- แบตเตอรี่ของ Smart Entry มีกําลังไม่เพียงพอ จะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ และจะต้องซื้อที่ ศูนย์บริการเท่านั้น (แรงเคลื่อนทางไฟฟ้าได้ตามค่าที่กําหนด)
สิ่งที่กล่าวมาเบื้องต้น อ้างอิงจากมาตรฐานโรงงานผู้ผลิต หากการล็อครถไม่ได้ แตกต่างจากที่ กล่าวมา หรือนอกเหนือจากโรงงานประกอบ อาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นๆ (มีการดัดแปลงจากร้านนอก) ดังนั้นให้ปรึกษากับทางผู้เชี่ยวชาญต่อไป